อาชีพทางการเมือง ของ อินูไก สึโยชิ

โอกูมะ ชิเงโนบุ เชิญอินูไกให้ช่วยก่อตั้งพรรค Rikken Kaishinto ในปี ค.ศ. 1882 ซึ่งสนับสนุนการเมืองแบบเสรีนิยม คัดค้านการครอบงำรัฐบาลโดยบุคคลจากอดีตแคว้นศักดินา โชชู และ ซัตสึมะ และเรียกร้องให้มีระบอบรัฐธรรมนูญแบบอังกฤษภายใต้รัฐสภา

อินูไกได้รับเลือกเข้าสู่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1890 และได้รับเลือกตั้งอีก 17 ครั้ง โดยดำรงตำแหน่งเดิมเป็นเวลา 42 ปีจนกระทั่งเสียชีวิต

ตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกของอินูไกคือดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาล โอกูมะ ชิเงโนบุ สมัยแรกในปี ค.ศ. 1898 ต่อจาก โอซากิ ยูกิโอะ ซึ่งถูกบังคับให้ลาออกเนื่องจากการกล่าวสุนทรพจน์ในสภานิติบัญญัติโดยถูกกล่าวหาว่าสนับสนุน สาธารณรัฐนิยม อย่างไรก็ตาม การลาออกของ โอซากิ ไม่ได้ยุติวิกฤติ แต่จบลงด้วยการล่มสลายของรัฐบาล โอกูมะ ดังนั้นการดำรงตำแหน่งของอินูไกจึงกินเวลาเพียง 11 วันเท่านั้น[2] อินูไกเป็นผู้นำในพรรคการเมืองที่สืบทอดต่อจาก Rikken Kaishinto คือ Shimpoto, Kenseito และ Rikken Kokuminto ซึ่งในที่สุดก็สามารถโค่นล้มรัฐบาลของ คัตสึระ ทาโร ในปี ค.ศ. 1913 ในช่วงเวลานี้การเมืองของเขาเริ่มอนุรักษ์นิยมมากขึ้นและเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญของ ขบวนการแพนเอเชีย และ ขบวนการชาตินิยมเช่น โทยามะ มิตสึรุ เขายังเป็นผู้สนับสนุนขบวนการสาธารณรัฐจีนอย่างเข้มแข็ง โดยไปเยือนจีนในปี ค.ศ. 1907 และต่อมาได้ให้ความช่วยเหลือ ซุน ยัตเซ็น ในช่วง การปฏิวัติซินไฮ่ ในปี ค.ศ. 1911 ซึ่งโค่นล้ม ราชวงศ์ชิง ภายหลังเขาช่วยซุนเมื่อซุนต้องหนีไปญี่ปุ่นหลังจากพยายามโค่นล้ม ยฺเหวียน ชื่อไข่ แต่ล้มเหลว อินูไกมีความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมจีน และรู้สึกว่าความร่วมมือระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นรากฐานที่สำคัญของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเอเชีย[3]